Welcome to my little worlD

\(~o~) LooK ArounD & EnjoY (^_^)/

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เทศกาลลั้ลลา

อิอิ มาอัพเดท เทศกาลลั้ลลา
ที่ Central World ที่เดิม
คุณหมีตรงใกล้ๆ Isetan น่ารักมากกกกกก

หมีตัวใหญ่ๆๆๆๆๆ

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ไปดูหุ่นละครเล็กกัน

มาแล้วจ้า ดองนานไปนิดนึง
วันที่ 10 ธันวา ได้บัตรดูหุ่นละครเล็กมา เป็นการคืนกำไรกับผู้ใช้ไฟฟ้า
โครงการของการไฟฟ้านครหลวง สำหรับผู้จ่ายค่าไฟตามกำหนด
สถานที่ก็เป็น โรงละครอักษรา ที่คิงพาวเวอร์ ซอยรางน้ำ
(เค้าว่าเป็นคนละคณะกับโจ หลุยส์ นะ อันนี้ไม่รู้จริงๆ ฟังเค้ามาอีกที)
สนุกดี แต่ถ้ารู้เรื่องโขนไปก่อนจะดูรู้เรื่องมากขึ้น
ขี้เกียจบรรยายแล้ว ตามไปอ่านใน นี้ ละกันนะ
ดูรูปกันเลยจ้า

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

@ Central WorlD @

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ไปลั้ลลาๆ ก่อนกลับบ้าน ถ่ายรูปต้นคริสต์มาส มาฝากกัน
*********
ที่แรกเลยหน้าแพลตินั่ม มีนางแบบจำเป็นด้วย อิอิ
แล้วก็เดินไปหน้าเซ็นทรัลเวิร์ล คนคับคั่งเหมือนเดิม
เทศกาลลานเบียร์มาถึงอีกแล้ว
ด้านหน้าฝั่ง Zen มีงาน Japanese Twon
ป่านนี้เลิกไปแล้วมั้ง **น้องพริตตี้น่ารักมาก**
เยอะนิดนึงนะ
ตรงนี้ทำเป็นหิมะตก ในจออ่ะนะ ถ่ายแล้วไม่ค่อยเห็นเลย
ปิดท้ายด้วย ลานเบียร์ของ Heineken อยู่บนชั้น 18(มั้ง) ได้ข่าวว่าคนเยอะมากกก
จบการลั้ลลา ตอนหน้าจะเอาหุ่นละครเล็กมาฝากกัน

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ฟ้ากำลังยิ้ม

เอาซะหน่อยเดี๋ยวไม่อินเทรน
ง่ะ รูปนี้ไม่ชัดเลย เอาใหม่
นี่เลย อิอิ แจ่ม ถ่ายจากดาดฟ้าออฟฟิศเลย
*********
@ ให้ข้อมูลซะหน่อย @
"ดาวพฤหัสบดีเข้าใกล้ดาวศุกร์มองเห็นบนท้องฟ้าระยะ 4 องศาแล้ว
ก่อนเป็นดาวคู่พระจันทร์เสี้ยวมองเห็นเหมือนหน้าคนยิ้มบนท้องฟ้า"
1 ธ.ค.นี้นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า
จากที่จะเกิดปรากฏการณ์ดาวพฤหัสบดีคู่ดาวศุกร์และมีดวงจันทร์เสี้ยวด้านล่าง ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีหลายคนจินตนาการว่าคล้ายใบหน้าคนกำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขบนฟากฟ้าในช่วงค่ำวันที่ 1 ธันวาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 17.00-21.30 น. สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว โดยสามารถมองเห็นดาวศุกร์อยู่เคียงข้างกับดาวพฤหัสบดีใกล้กันเพียง 2 องศา และจะมีดวงจันทร์ขึ้น 3 ค่ำ อยู่ ข้างล่างดาวทั้งสองดวง ห่างดาวเพียง 2 องศา พร้อมปรากฏการณ์ Earth shine หรือปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลกและสะท้อนไปยังดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ในวันขึ้น 3 ค่ำที่จะต้องมองเห็นเป็นจันทร์เสี้ยว แต่กลับมองเห็นเป็นจันทร์เต็มดวง ซึ่งสวยงามมากนั้น ในเวลาพลบค่ำขณะนี้ ดาวพฤหัสบดีกับดาวศุกร์เริ่มเข้าใกล้กันมากตามลำดับ โดยอยู่ห่างกันเป็นระยะเชิงมุมไม่เกิน 4 องศา กว้างขนาดของนิ้วหัวแม่มือ 2 นิ้วประกบกัน เมื่อยืดแขนออกไปข้างหน้า ซึ่งการปรากฏใกล้กันของดาวศุกร์กับดาวพฤหัสบดีเป็นเพียงมุมมองจากโลกเท่านั้น ในความเป็นจริงดาวเคราะห์ 2 ดวงนี้อยู่ห่างกันในอวกาศถึง 760 ล้านกิโลเมตรนักดาราศาสตร์รายนี้กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 1 ธันวาคม ดาวทั้งคู่จะเข้าใกล้กันในระยะ 2 องศา บนท้องฟ้า โดยด้านล่างจะมีดวงจันทร์เสี้ยว เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นเหมือนกับใบหน้าคนยิ้มบนท้องฟ้าดังกล่าวข้างต้น และในวันเดียวกันนี้ในทางทวีปยุโรปทั้งหมดจะเห็นเป็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์บังดาวศุกร์พอดี ในขณะอเมริกาดวงจันทร์จะเลยสูงขึ้นไป
*********
ขอให้มีความสุขค่ะ พี่น้องชาวไทย

เรือสำรวจ Koyo Maru

เนื่องจากเดือนนี้มีเรือสำรวจ "KOYO MARU" ของมหาวิทยาลัยประมงแห่งชาติ
(National Fisheries University) ของประเทศญี่ปุ่น มาจอดเทียบท่าศูนย์ฯ
วันที่ 27-28 เลยมีโอกาสได้ขึ้นไปเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น หุหุ
(เรือเค้าถือเป็น ประเทศเค้ามั้ย อิอิ)
วันที่ 27 กัปตันอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ขึ้นไปเยี่ยมชมเรืออย่างใกล้ชิด
แบ่งกลุ่มละประมาณ 6 คน มีนักเรียน (cadet) เดินนำชมกลุ่มละ 2 คน
แต่เวลาน้อยไปนิด 1 ชั่วโมง เดินดูแบบรีบๆ ไงไม่รู้ เรือยังใหม่มาก เพราะเพิ่งต่อเสร็จ
สะพานเดินเรือกว้างมากๆ อุปกรณ์ก็ไฮโซ แต่รูปในเรือไม่ได้เอามาลงนะ เดี๋ยวเค้าว่าเอา
*********
มาเริ่มด้วยงานเลี้ยงกันดีกว่า แฮ่ๆ ของกิน กะเรา เป็นของคู่กันจริงๆ อิอิ
เย็นวันที่ 28 ทางเรือจัดงานเลี้ยงอาหาร เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ
เจ้าหน้าที่กรมประมง เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ มาร่วมงาน
งานเริ่มประมาณ 18.30 น. โดยกัปตันและท่านเลขาฯ เป็นผู้กล่าวเปิดงาน
หน้าตาของอาหารวันนี้ ขอบอกว่าวันนี้กินน้อย มัวแต่เม้าท์
ถ่ายรูปๆๆ บ้ากล้องอย่างรุนแรง
ทั้งงาน หลอกเด็กญี่ปุ่นมาคุยได้ 2 คน นอกนั้น เม้าท์กันเอง 555
*********

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

CoCoICHIBANYA @ Esplanade

กลับมาอีกแล้ว อิอิ เมื่อศุกร์ที่แล้วไปกินข้าวที่ Esplanade มา
กินข้าวราดแกงกะหรี่ ที่ร้าน CoCoICHIBANYA ชั้น G
หลังจากที่รอคิวอยู่ 4 คิว ก็ได้เวลาของเราแล้ว
*******
บรรยากาศในร้านจ้า กับผู้ชักนำเข้าขบวนการ อิอิ
หลังจากนั่งเล็งเมนูมาตั้งแต่นั่งรอคิวที่หน้าร้าน พอนั่งโต๊ะปุ๊บ ก็สั่งเลย
สั่งเป็นเซ็ต จะมี soft drink 1 แก้ว กับสลัด เพิ่ม 50 บาท
น้ำเปล่าขวดละ 20 บาท ชาเขียวไม่เซ็ตนี่รู้สึกจะแพง แต่ไม่รู้ว่าเท่าไหร่
จำไม่ได้แหล่ว อิอิ เมนูวันนี้เป็น แกงกะหรี่หมูทอด เผ็ดระดับ 1 (มั้ง) เพิ่มข้าว เพิ่มชีสสสส ชีสเลยยืดซะ
จำราคาไม่ได้แล้ว เพราะเพิ่มเยอะ อิอิ(รูปข้างบนนะ) อันนี้ของเราแกงกะหรี่ห่อไข่ครีมเห็ด (รูปบน)
ประเภทไข่นี่เลือกระดับความเผ็ดของแกงไม่ได้นะ
เป็นเผ็ดแบบมาตรฐาน ไม่เผ็ดเท่าไหร่ จานนี้ 170 บาท

ส่วนจานนี้เป็นแกงกะหรี่เนื้อ ลดข้าวเผ็ดมาตรฐาน
เหมาะสำหรับคนกินน้อย+โคโรเกะ (พิมพ์ตามเมนูเลย) ครีมแซลมอน
วันนี้กินข้าวไม่หมดจาน อิ่มมาก อร่อยดี แต่เยอะ
ถ้าจะกินคราวหน้าต้องลดข้าวแล้วเดี๋ยวจะแย่

ขอบคุณที่พาไปกินนะ หมาๆ กะ หมีๆ
ถ้าอยากอ่านรีวิวร้านนี้แบบดีดี ตามอ่านได้ที่ 2 ที่นี้นะคะ RecommenD

http://dunbine.exteen.com/20081006/esplanade-2-cocoichibanya-1

http://www.chicchannel.net/yes/forum_posts.asp?TID=490

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตะลุย อินโด

แหม๋ ตั้งชื่อซะ ยังกะจะไปบุกป่าซะงั้น อิอิ
ก็เนื่องมาจากงานอันเป็นที่รัก ทำให้มีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตา
แถบประเทศเพื่อนบ้านหลายๆ ประเทศ
สำหรับอินโดนีเซียนี่เป็นการไปครั้งแรก แอบตื่นเต้นเล็กๆ แฮ่
ไปคราวนี้จะไปอยู่ 2 เมืองคือ Jakarta และ Bandar Aceh
ใช้เวลาเดินทางก็แทบจะหมดวันแล้ว ไป 6 วัน พักมัน 4 โรงแรมเลย หุหุ
รูปส่วนใหญ่เลยมีแต่โรงแรม เหอเหอ กลายเป็นทัวร์โรงแรมซะงั้น
เริ่มกันเลยดีกว่า
***********
วันแรก พอไปถึงสนามบิน Soekarno-Hatta International Airport
ที่ Jakarta อย่างแรกที่ทำคือ "แสดงอาณาเขต" 555
พอออกมา Dr.Wudianto มารับ ก็ไปคุยงานกันที่กรมประมงของเค้า
แล้วก็ไปกินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสอง กิน ข้าวผัดทะเล Nasi Goreng
กินเสร็จก็เข้าที่พักวันแรกโรงแรม ibis Tamarin อยู่ในใจกลางเมือง
แถวๆ สถานฑูตไทย (หัวหน้าบอกว่างั้นนะ) ตกเย็นไปกินข้าวร้านอาหารจีน
ประมาณร้านข้าวต้ม ชื่อร้าน Furama อร่อยดี (งานนี้มีเจ้ามือ อุอุ)
แล้วคืนแรกก็ผ่านไปด้วยการตะลุย Jakarta Night Life
ไปกัน 2 ที่ นั่งดูตาโตเลย สวยๆ ทั้งนั้น จำชื่อร้านแรกไม่ได้
ร้านที่ 2 ชื่อ Club 36 ประมาณร้าน โคโยตี้ มีสาวไทยไปทำงานด้วย
เสียดายไม่ได้พกกล้องไป แต่ละที่นะ ผู้ชายไปน้ำลายหกแน่ๆ หุหุ
วันที่ 2 ต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ย้ายที่พักไปใกล้ๆ ห้าง (หัวหน้าจะช็อปปิ้ง!!)
วันนี้ก็ไปคุยงานกันที่ออฟฟิศกรมประมงอินโดนีเซียอีกที
กินข้าวเที่ยงร้านเดิม วันนี้กิน บะหมี่ลูกชิ้นเนื้อ จำชื่ออินโดไม่ได้แล้ว
ตกเย็น เข้าที่พัก คืนที่สองนอนโรงแรมในเครือเดียวกับคืนแรก
ibis Mannga Dua ใกล้ๆ Mannga Dua Square
เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ กลางเมือง Jakarta แต่ไม่ได้ไปเดิน อิอิ
เดินแค่ห้างที่ขายอุปกรณ์ IT ประมาณพันธุ์ทิพย์บ้านเรา
เพราะอยู่ติดกะโรงแรมเลย ช่วงนี้โรงแรมที่อินโด ค่อนข้างเต็ม
เพราะหน่วยงานรัฐจะจัดประชุมกันเยอะในช่วงนี้
คุ้นๆ เหมือนกับคนแถวนี้มั้ย อุอุ ใกล้หมดงบที จัดกันทีหุหุ
เชื่อมั้ยว่ายืนรอลงลิฟท์อยู่ ครึ่งชั่วโมง!!
คนแน่นจนต้องเดินลงบันไดหนีไฟกันเลย
มื้อเย็นเลยกินใกล้ๆ โรงแรม ข้าวผัดทะเล เหมือนเดิม
วันที่ 3 ต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า อีกแล้ว
แต่คราวนี้ไปไกลหน่อย ไปที่เมือง Bandar Aceh ไปดูท่าขึ้นปลาทูน่า
ที่ Lampulo port ออกจากโรงแรม 6 โมงเช้า ท้องดันเสียอีก เซ็งเลย
พอไปถึงสนามบินก็กินข้าวเช้า เสร็จแล้วก็วิ่งหาห้องน้ำทันที เกือบไม่ทันการ อุอุ
สายการบินที่ไปเป็น low cost ชื่อว่า Lion Air
ไม่มีอาหารเหมือนๆ กับ low cost บ้านเรา
แต่เอาของขึ้นไปกินเองได้ น้ำขวดก็เอาขึ้นไปกินได้นะ
พอเข้าไปรอที่ gate ไฟลท์ดีเลย์อีก ครึ่งชั่วโมง ก็นั่งรอ นอนรอกันไป
ขึ้นเครื่องไปเจอเด็กร้องงอแงตั้งกะเครื่องขึ้น ยันเครื่องลง 3 ชม.เต็มๆ
เลยหลับหัวโยกหนีไปเลย 55 ตื่นอีกทีใกล้จะลงแล้ว ออกมาแดดจ้ามากๆๆๆ
เห็นตัวอาคารสนามบินทำหลังคาสวยดี แต่ถ่ายมาได้ไม่กี่รูปเอง
นั่งรถไปที่อาคาร รอกระเป๋า พักนึง ที่นี่เค้ามีพนักงานมาคอยยก'เป๋าให้
แบบเดียวกะหมอชิตเลย เข็นรถ ขอนของ จ่ายตังค์ อุอุ
พอออกจากสนามบินก็เรียกแท็กซี่เข้าเมือง พักที่โรงแรม Madinah
เมืองเค้าก็ดูโอเคเลยนะ สะอาด ดูเจริญดีทีเดียว
มาถึงโรงแรมก็เช็คอิน ดีนะที่กระเป๋าไม่หนัก เพราะโรงแรมไม่มีลิฟท์
แถมบันไดยังสูงอีกตะหาก หิ้วกันเอวเดี้ยงไปข้าง
ทีวีที่นี่มีแต่ช่องอินโด เปิดไป งงไป ดูละครอินโด น้ำเน่ากว่าเราอีกอ่ะ
ออกไปหาอะไรใส่ท้องกัน ใกล้ๆ เนื่องจากแดดร้อนมากกกก
บ่ายแก่ๆ ไปดูท่าขึ้นปลา ที่ Lampulo port ไปคุยกับเจ้าหน้าที่
คนที่จะช่วยเก็บข้อมูล คุยไปตาก็จะปิด เหอเหอ ไม่รู้หัวหน้าเห็นป่าว อิอิ
มื้อเย็นวันนี้ไปกินอาหารทะเลเผา ร้านชื่อ Bintang Laot อยู่ติดแม่น้ำ
แต่มืดมาก มองไม่เห็นเลย ถ้าเค้าไม่บอกก็ไม่รู้
มื้อนี้เปิบมือครับท่าน ปลาอร่อย แต่เละเทะเล็กน้อย เพราะเปิบไม่ถนัด
วันที่ 4 ตื่นเช้ามา ก็ไปตลาดขายปลาก่อนเลย
ปลาที่นี่ค่อนข้างสด แต่ตลาดไม่สะอาด
ปลาทูน่าเยอะดี แต่เป็นไซส์เล็กเกือบทั้งหมด มีใหญ่ๆ บ้าง ไม่เยอะนัก
บางร้านพี่ท่านแล่เนื้อปลาทูน่ากะพื้นเลย โอ้ พื้นก็เน่าได้ใจมาก
เห็นสีเนื้อแล้ว อยากกินซูชิ แต่มะเอาตัวที่แล่นี้นะ
ไม่เห็นไม่เป็นไร แต่เห็นแล้วทำใจม่ายล่าย
สารพัดสัตว์น้ำในตลาด
ออกจากตลาดขายปลาก็ไปที่ Lampulo port
วันนี้เจอชาวประมงมาขึ้นปลาจากเรือเยอะ ทั้งเรืออวนล้อม แล้วก็เรืออวนลอย
ปลาจากเรืออวนล้อมส่วนใหญ่ก็จะเป็น skipjack ซะส่วนมาก
แล้วก็มี bigeye กับ yellowfin ตัวเล็กๆ บ้าง
(จริงๆ แล้วแยกเองไม่เป็นหรอก เค้าบอกมา 55)
ส่วนเรืออวนลอยก็เป็นปลาเล็กปลาน้อย
แถบบริเวณนั้นก็จะมี โรงน้ำแข็ง ร้านขายน้ำแข็ง
ร้านขายเกลือ โรงแปรรูปอยู่ใกล้ๆ กันด้วย
คนมาซื้อปลาเยอะมาก บางคนพอรู้ว่าเราไม่ใช่คนอินโด มาทำงาน
ก็บอกให้ถ่ายรูปใหญ่เลย 55 มีแซวกันด้วย แต่ฟังไม่ออกหรอกนะ เดาเอา
ตกเที่ยงก็ไปกินข้าวแกง เปิบมือแบบแขก แต่เขามีช้อนให้ เลยสบายไปไม่ต้องเปิบ
แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวัน ตกเย็นไปดู Night Life ของ Bandar Aceh เค้า
ไปเดิน Pante Pirak Square ห้างเล็กๆ เป็น Supermarket ซื้อขนม
แล้วก็เดินกลับมากินข้าวเย็น ประมาณตลาดโต้รุ่งบ้านเรา
กินหอยแครงลวก กะ บะหมี่ผัดทะเล Mi Goreng
มีแอบชิมเนื้อสะเต๊ะ นิดนึง อาหารที่นี่ติดหวาน ทั้งน้ำจิ้มหอย+สะเต๊ะ หวานมาก
ไม่ได้เอากล้องไป เสียดาย ไม่มีรูปมาอวด
เช้าวันที่ 5 เตรียมตัวออกจาก Bandar Aceh ออกจากโรงแรม 6 โมงเช้า
ไปกินกาแฟ ขนมปังที่สนามบิน พอขึ้นเครื่องกัปตันก็ประกาศว่า
เครื่องนี้ไม่ได้บินตรงไป Jakarta จะต้องไปต่อเครื่องที่ Medan
นั่งไปประมาณชั่วโมงนึง ก็ลงจอด เดินวนเข้าไปสนามบิน เผื่อเดินมาขึ้นเครื่องอีกรอบ
(คนละลำกันนะ) เดินกันงงไปเลย แถมมีคนเอาอะไรสักอย่างขึ้นเครื่องมา
กลิ่นสุดยอด การ์ดต้องมาคุยตั้ง4-5คนกว่าจะยอมลง เฮ้อ กลิ่นยังติดจมูกอยู่เลย
มาถึง Jakarta คืนสุดท้าย ไม่ได้จองไว้ก่อน ปรากฏว่าเต็มคับท่านผู้ชม
ก็ตระเวนหากันไป ได้อยู่โรงแรมนึงชื่อ Mirah Hotel กำลังปรับปรุงใหม่
ชั้น2-3 เป็นห้องพัก ชั้นบน 4-5 เป็น karaoke เหม็นบุหรี่มากๆ
แต่แต่งห้องโอเค สวย แต่ไม่มีตู้เสื้อผ้า เลยฟันธงว่า
มันเป็นประมาณ love hotel อ่ะ หุหุ
พอหาโรงแรมได้ก็ไป กินข้าวเที่ยง ไปออฟฟิศกรมประมง
แล้วก็กลับมาซื้อของฝาก อ้อ โรงแรมอยู่ใกล้ Mannga Dua Square
เดินๆ ดูก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ของก็เหมือนๆ บ้านเราเลย
เลยเข้าไปหาซื้อกาแฟ+ขนมใน carrefour
มื้อเย็นวันนี้กิน ข้าวไก่ทอด อร่อยดี กินกะกาแฟเย็น Dunkin' Donuts
เสร็จสรรพ เข้าห้องปิดตายตั้งกะ 2 ทุ่ม เลย คนงานยังทำงานอยู่เลย น่ากลัว

รูปข้างล่างนี่ เก็บตก รถโดยสาร + ขนมของอินโด
ส่วนใหญ่อาหารเค้ามันมากกก ทอดๆ ทั้งนั้น

วันสุดท้ายตื่นมากินอาหารเช้า ได้เดินขึ้นไปดูห้องเกะด้วย
เสร็จแล้วเก็บของ ออกจากโรงแรม 10 โมง ไปเช็คอิน เดินดูของ
กินข้าวใน lounge ของการบินไทย รอขึ้นเครื่อง 4โมงครึ่งถึงสุวรรณภูมิ กลับบ้าน
**********
จบทริป อินโด แล้วจ้า
ครั้งหน้า ไปภูเก็ตกันนะ

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เฮ้อ

โดนบล็อก hi5 ตามเดิม
กำ
อาทิตย์ที่แล้วนี่สมกับเป็น
วันปล่อยผีจริงๆ

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ฮิห้ากลับมาแว้ววววว

เข้าฮิห้าได้ตามปกติแล้วจ้า
สงสัยเป็นของขวัญวันเกิดนิ
อิอิ

HBD to mE

เค้กนี้กลับมาอีกครั้ง
สุขสันต์วันเกิด
ขึ้นเลขสามซะแล้ว
HappY HealthY WealthY
--สาธุ--

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ลืมไปเลย!!

ครบรอบ 1 ขวบ ไปแว้วววววววจ้า
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 51
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
แหม เขียนลืมวันลืมคืนไปเลย
ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว หุหุ
หวังว่าจะไม่โดนบล็อกกลางอากาศอีกนะ
!ใจร้าย!

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551

My weekenD

ตั้งแต่เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เริ่มเข้าสู่หน้าเทศกาล "แต่งงาน" ของผู้คนรอบข้างแล้ว
จากนี้ไปเดือนนี้และเดือนหน้า มีรวมๆ ก็ 4 งานเข้าไปแล้ว
จะเป็น 27Dresses มั้ยเนี่ย หุหุ
งานเมื่อวันเสาร์ สนุกดี เหมือนงาน Home+เลี้ยงรุ่น 46 เลย เฮฮามากๆ
แต่เสียดาย ไม่มี hi5 ให้ไปดูดรูปจากชาวบ้านเค้าแล้ว
เลยไม่มีรูปมาอวดกันเลย เศร้า
***************
ช่วงนี้มีงาน BookExpo Thailand 2008
มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 13 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
มีหนังสือของนักเขียนคนโปรดออก เลยต้องไปอุดหนุนกันหน่อย
ได้มาไม่มากไม่น้อย ต้องประหยัดเล็กๆ (นี่ขนาดประหยัดนะ หุหุ)
นี่เลย เล่มแรก "ลอนดอนไดอารี่ 1.1" ต้องรอ 1.2 อีกง่ะ
ขนาดเพิ่งออกนะเนี่ย ซื้อได้ พิมพ์ครั้งที่ 3 แล้วอ่ะ
ขายดีจริงๆ
นี่ก็อีกเล่ม abc "CHANGE"
ส่วนเล่มนี้ รอมานานไม่ได้ฤกษ์ซะที ของเราพิมพ์ครั้งที่ 6 แล้วอ่ะ
ส่วนนี้ของ oom เรื่องของกาแฟ และ ร้านกาแฟ
หมดไปอีกหนึ่งงาน เป๋าเบาไปเลยทีเดียว (--")

อุอุ