Welcome to my little worlD

\(~o~) LooK ArounD & EnjoY (^_^)/

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ทริปเชียงใหม่


กลับมาสดๆ ร้อน ๆ กับทริปสัมผัสลมหนาวของปีนี้ ทริปนี้วางแผนล่วงหน้านานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว หุหุ ทริป เชียงใหม่ ชมแพนด้าจ้า และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ออกเดินทางกันวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคมออกจากออฟฟิศ ไปหัวลำโพง ได้พี่อ้นใจดีไปส่งที่สามแยก อิอิ ต่อรถตู้ รถเมล์ ไปหาพลังงานเติมแถวๆ สีลม ด้วยข้าวหมูแดงเจ้าอร่อย (ขออภัยจำชื่อร้านไม่ได้)หลังจากเติมพลังกันแล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าสู่หัวลำโพง พอถึงก็เช็คชานชาลาที่จะต้องขึ้นรถ ซื้อเสบียงแล้วก็รอเวลา ระหว่างนั้นก็ไปถ่ายรูป หัวลำโพง เป็นหลักฐานการมาเยือนซะหน่อย และแล้วก็ได้เวลาเคลื่อนขบวน รถออกจากหัวลำโพง 4 ทุ่ม เป็นรถนอนพัดลมชั้น 2 ก็สบายดีนะ หลังจากนั่งดูวิวจนเริ่มออกจากกรุงเทพฯ ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว มืดตึ๊ดตื๋อ ก็แยกย้ายกันไปนอน

วันที่ 8 ธันวาคม ช่วงรุ่งเช้า อากาศเริ่มเย็นจนต้องควักเสื้อกันหนาวที่พกมาขึ้นมาใส่ ตอนแรกกะจะนอนจนสาย แต่ไม่รู้ทำไมนอนไม่หลับ ตื่นซะตั้งกะ 6 โมง ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็รอคุณพี่พนักงานมาเก็บที่นอน แล้วก็จิบกาแฟร้อนๆจากตู้เสบียง กับขนมปัง (เสบียงที่ตุนมาเมื่อคืน) สุขีๆ ช่วงนี้ก็ว่าง ถ่ายรูป ดูวิว นอน กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็ บ่ายโมงพอดี ออกมาเหมาสามล้อไปที่พัก ในคูเมือง ลุงเค้าก็ไม่รู้จัก ต้องกางแผนที่กันไป ช่วยกันดู ในที่สุดก็ ถึงซะที "T Room Guesthouse" ที่พักที่เราจองไว้ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ เหลือแม่บ้าน 2 คน ก็ให้กุญแจห้องกันแบบ งงๆ แต่ป้าก็ใจดี ให้ข้อมูลเยอะแยะ มีติดต่อรถให้ด้วย แน่ะ ครบวงจรจริงๆ

พอเข้าห้องพักทำธุระส่วนตั๊วส่วนตัวกันเรียบร้อยก็ออกไปเติมพลังกัน ไปกินที่ Guesthouse หลักของ T Room ชื่อว่า Thialand guesthouse อยู่ห่างไปประมาณ 100 เมตร ให้ข้าวเยอะมาก แถมแม่ค้าอัธยาศัยดี เลยถามข้อมูลซะเยอะเลย เสร็จแล้วก็ได้สามล้อของคุณผู้จัดการ T Room ไปส่งที่สวนสัตว์ Main ของทริปนี้คือ ช่วงช่วง กับ หลินฮุ่ย ไม่เห็นไม่กลับ 55 พอไปถึงก็ตั้งหน้าเดินไปดูน้องแพนด้าเลย โชคดีมากๆ หลินฮุ่ยกำลังนั่งกินไผ่อยู่ เคี้ยวอย่างมีความสุข ส่วนช่วงช่วงก็หลับปุ๋ยนิ่งไปเลย ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะปลุกแบบไหนเค้าก็ไม่ลุกเลย จะมีก็แต่หลินฮุ่ยที่แสนจะรู้งาน ขนาดเพิ่งกินอิ่ม กำลังไปนอนพักผ่อน พอเจ้าหน้าที่เรียกก็ลุกทันที มานั่งประจำตำแหน่งกินขนมปังไผ่โชว์อยู่นาน อิ่มแพนด้าไปตามๆ กัน (มันจะเหมือน อิ่มหมีพีมัน มั้ยน้อ แหะแหะ)



หลังจากหมกตัวอยู่ในห้องแสดงแพนด้าอยู่นาน ก็เริ่มเบนเข็มไปที่อื่นบ้าง นี่เลย โคอาล่า เค้าไม่ใช่หมีนะคะ เรียกให้ถูกด้วย เค้ามีกันอยู่ 4 ตัว แต่ว่าเราเห็นแค่ 3 เองอ่ะ มีเดินมาโชว์ตัวด้วย น่ารักๆ พอดูโคอาล่าเสร็จก็เริ่มมืด สวนสัตว์จะปิดแล้ว เลยเดินกลับกัน ออกมาหน้าสวนสัตว์ก็เรียกรถกลับที่พัก นั่งไปเจอคู่ชาวออสเตรเลียมาท่องเที่ยว คุยกันไปมา เค้ามาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ (บ่อยกว่าเราอีก เหอเหอ) แล้วเค้าก็ไปเฝ้ารับเสด็จที่สนามหลวงด้วย ดีจัง เรายังไม่ได้ไปเลย แล้วเค้าก็ลงไประหว่างทาง มีพี่คนเหนือ (แต่ไม่ใช่คนเชียงใหม่)ขึ้นมา เค้าจะไปถนนคนเดิน เราเลยเปลี่ยนใจ บอกลุงคนขับว่าตรงไป ถนนคนเดินเลย อันนี้ก็เกิดอาการสับสน ถนนคนเดินที่เชียงใหม่ วันเสาร์มีที่ถนนวัวลาย วันอาทิตย์มีที่ถนนราชดำเนิน เราก็ก่งก๊ง จำได้แต่ถนนราชดำเนิน เลยไม่ได้เดินกัน ก็กินข้าวเย็นที่ กาดเชียงใหม่ ตรงประตูเชียงใหม่ แล้วก็เดินกลับที่พัก หมดไปแล้ว 1 วัน

วันที่ 9 ธันวาคม หลังจากจบวันแรกในเชียงใหม่ไปด้วยความเหนื่อยอ่อน วันนี้เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการเติมพลัง มื้อเช้าเป็นเกาเหลาหมู+ข้าว+น้ำลำไย และตบท้ายด้วยการหาร้านกาแฟหน้าตาดีนั่งกัน หลังจากเดินหาอยู่พักนึง ไม่เจอสักร้าน เลยตกลงกันว่าไปกินที่ "Zoo Cafe" ที่ทางเข้าสวนสัตว์น่าจะดีกว่าเดินหาแถวนี้ เพราะจะต่อรถขึ้นดอยกันอยู่แล้วด้วย ก็เลยเหมารถแดงไปสวนสัตว์กัน

พอมาถึง หลังจากสั่งกาแฟกันเรียบร้อย วิญญาณตากล้องทั้งหลายก็เข้าสิงผู้ร่วมทริปนี้ทันที ถ่ายรูป มุมนู้น มุมนี้ ถ่ายกันเข้าไป ดีนะเด็กในร้านไม่ว่าเอา 55 พอกาแฟมาเสริฟ พร้อมด้วยขนมเค้ก 1 ชิ้น หวานเรา กินซะเรียบเลย พอจบมื้อเช้าด้วยกาแฟแล้ว กองทัพของเราก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปสู่ยอดดอย

ตามแผน วันนี้เราจะขึ้นไปที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ พอออกมาจากร้านกาแฟก็เดินตรงไปที่คิวรถแดง บอกเค้าว่าไปพระตำหนักภูพิงค์ฯ ลุงคนขับก็มาเสนอแพ็กเกจรวม 3 ที่ 160 บาท บ้านแม้ว ดอยปุย+พระตำหนักภูพิงค์ฯ+ดอยสุเทพ จะจอดให้ที่ละ 1 ชั่วโมง เราก็ตกลง ปรากฎว่าลุงแกเรียกคนขึ้นรถจนล้น เราไม่มีที่นั่งต้องนั่งตักกันไป ขึ้นดอยเนี่ย สุดๆ เหน็บรับทาน แล้วเราก็ยังเข้าใจอยู่ว่าเราเหมานะ 3 ที่ ปรากฎว่าพอเลยดอยสุเทพไป ลุงแกก็จอดรถ เก็บตัง บอกเราว่าไปแค่พระตำหนักภูพิงค์ฯซะงั้น เพราะอีกกลุ่มที่ลุงเค้าไปเสนอเค้าไม่เอา มีแค่เราเค้าไม่คุ้ม เออ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก เซ็งเฟ้ย !!! เอาใหม่ ปรับอารมณ์ใหม่ ยิ้มเข้าไว้ มาเที่ยวต้องอารมณ์ดี และแล้วก็มาถึง พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ตอนลงรถก็ 11 โมงกว่าแล้ว รอบเช้าเค้าเปิดให้เข้า (ขายบัตร) ได้ถึง 1130 เลยรีบไปซื้อบัตร แล้วเข้าไปเดินกัน อากาศเริ่มเย็น เนื่องจากอยู่บนเขา+ต้นไม้เยอะ พอเข้ามาแล้วก็เดินๆๆ ไปดูสวนดอกไม้ จุดแรกที่เจอเป็น ดอกกล้วยไม้ และไม้เมืองหนาว เราก็เดินกันไปตามทางที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกให้เดินไปทางไหนได้บ้าง ช่วงระหว่างเดินก็ถ่ายรูปกันไปอย่างเมามัน เดินผ่าน สวนเฟิร์น อ่างเก็บน้ำ น้ำพุ และพระตำหนัก แต่ดอกไม้ยังไม่บาน เจ้าหน้าที่บอกว่ารอให้พระองค์ท่านเสด็จก่อน จะได้สวยๆ เลยดูแต่ต้นไม้ใบหญ้ากันไปพลางๆ



แล้วก็ได้เวลาเติมพลังงาน ด้วย ผัดไทกุ้งสด เอกินมา 2 วันแล้วนี่นา อุอุ + ทอดมัน + น้ำสตรอเบอร์รี่ปั่น + วาฟเฟิล โอย พลังงานล้นเลยทีนี้ พอท้องอิ่ม ก็เริ่มเที่ยวกันต่อ เดินผ่านพระตำหนัก สวนสุวรี แล้วก็วนไปดูสวนกุหลาบด้านหน้าอีกรอบ แหะแหะรอบแรกลืม


หลังจากนั้นก็นั่งรถลงมาไหว้พระธาตุ คนเยอะมากๆๆๆๆ แถมฟิต มีรถรางไม่นั่งคับท่าน เดินนับขั้นบันไดกันขึ้นไป (ไม่อยากบอกว่านับไปก็เท่านั้น เวลาเหนื่อยหอบแฮ่กก็ลืมหมด หุหุ)ไปถึงก็ถ่ายรูปๆๆ จนเย็นก็ลงมา เดินเที่ยวที่ถนน นิมมานเหมินทร์ซอย 1 ลุงรถสองแถวน่ารักมาก สอนวิธีขึ้นรถแดงให้ด้วย ว่าอย่าถามราคา ถามแค่ว่าไปมั้ย แล้วก็จ่ายแค่ 15 บาท ถ้าถามราคาจะโดน 20 บาท อิอิ ที่ซอยนิมมานเหมินทร์ช่วงที่ไปเค้ามีงานครบรอบ 8 ปีด้วย มีออกร้าน สวยเชียว น่ารัก ร้านแนวมาก เดินกันเพลินเลย เสร็จแล้วก็เดินออกมาขึ้นรถไปกินข้าว ร้าน The Good View ต้นตำรับ ก่อนไปนั่งกินก็เดินตลาดวโรรสก่อน แล้วก็เดินข้ามแม่น้ำปิงไปที่ร้าน คนเยอะอีกตามเคย แต่บรรยากาศดี




กินกันเสร็จแล้วก็นั่งรถแดงกลับมาที่ประตูท่าแพ ถ่ายรูปโคม แล้วก็เดินถนนคนเดินที่ถนนราชดำเนิน คนยังกะหนอน เยอะมากๆๆๆๆๆ ของที่ขายก็น่ารักดี เวิร์กๆ เสียดายที่คนเยอะ+กับเหนื่อยกันมาทั้งวัน เลยเดินไปได้แค่ครึ่งทาง แล้วก็เดินกลับที่พัก
วันสุดท้ายแล้วต้องตื่นแต่เช้า มากินข้าวที่หน้าสถานีรถไฟ รถออก 8 โมง นิดๆ นั่งกันเมื่อย 12 ชั่วโมง แต่มีข้าวเที่ยง+2 ขนมเบรก ดีดี แต่คงเบื่อนั่งรถไฟไปอีกนาน
ปิดทริปจ้า
**ขอขอบคุณ พี่จูน สำหรับบางภาพที่เราแอบเอามาลงบล็อกเรา อิอิ**

อุอุ